สวัสดีคะ อ.แอน วันนี้หนูมีคำถามมาถาม อ.แอน คะ คือว่า
มีผู้หญิงคนหนึ่งไปตลาดไปแล้วผ่านร้านทองก็คิดว่าอยากจะซื้อเก็บไว้ซักเส้นเลยเข้าไปซื้อ ราคาก็หมื่นกว่าเสร็จก็กลับบ้านพอมาถึงหน้าบ้านก็นึกขึ้นว่าถ้าสามีรู้ว่าซื้อทองมาราคาเป็นหมื่นต้องโกรธมากแน่ ๆ ต้องโดนว่าแน่ ๆ พอเข้าบ้านสามีก็ถามเรื่องทองจริง ๆ เธอตอบว่าทองปลอมเห็นขายอยู่ที่ตลาดใครจะไปซื้อทองจริงมาละแพง ส่วนสามีก็ไม่ว่าอะไร (ประมาณว่า หรอเออ) แล้วก็ทำกิจกรรมที่ค้างอยู่ เธอโล่งใจมากแล้วก็เอาทองไปเก็บ อาจารย์คะ เธอคนนี้ผิดศีลข้อมุสาไหมคะ ถ้าเราโกหกเพราะมีเหตุจำเป็น เช่นไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ปานปลาย อย่างนี้ผิดไหมคะ
ขอบคุณคะ
คำตอบจาก อาจารย์แอน
การถือศีล มีสามระดับ และต้องไต่เป็นขั้นตอน ขั้นแรกต้องใคร่ครวญพิจารณาศีลให้บริสุทธิ์ จัดเป็นการบำเพ็ญบารมีและทดสอบกำลังใจในการปฏิบัติให้สูงขึ้น อย่างแน่วแน่โดยมีศีลเป็นเครื่องวัด
อย่างเรื่องนี้ ไม่ควรโกหก เพราะการโกหก มีองค์ประกอบของความโลภ และความหลง ทั้งความกลัว ครบองค์ประกอบของคติทั้งสี่ ได้แก่ ฉันทาคติ อคติ ภยาคติ (ความกลัว) และโทสาคติ อย่างน้อยการโกหก นี้เป็นภัยในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกของตนเองที่ไม่สะอาด
ระดับสอง การโกหก ที่ปราศจากความโลภ โกรธ และหลง แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น การโกหก ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด ไม่ทำลายประโยชน์ใคร ในกรณีนี้ ถ้าเงินนั้นเป็นของตนเองที่หามาโดยชอบ ไม่ได้เอาเงินผู้อื่นไป แต่เกรงว่าเขาจะไม่สบายใจ ประกอบเราซื้อ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาหนึ่ง หรือเป็นการค้าไว้เก็งกำไร อย่างนี้ไม่ผิดศีล ระดับสาม เป็นปรมัตถ์ อธิศีล มีความสูงขึ้นไปอีกระดับ โดยมี พรหมวิหารสี่ ควบคุมศีล มีมรรค ๘ กำกับ เป็นการถือศีลแบบเป็นธรรมชาติ ที่เป็นไปโดยปรกติ ไม่มีผลร้ายกับใคร ไม่ทำลายประโยชน์ใคร ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครในเชิงโลก หรือโลกียะ อย่างนี้เป็นโลกุตระ สำหรับเรื่องที่เล่านี้ ไม่จัดเป็นศีลปรมัตถ์ เพราะมีความโลภผสม ถ้าศีลปรมัตถ์จะไม่มีโลภ โกรธ หลง เจือปน มีสติกำกับ มีตัวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
เมื่อใคร่ครวญพิจารณาแล้ว ผู้หญิงผิดศีลค่ะ
(ขอบคุณเมลพยากรณ์ จาก hotmail)
มีผู้หญิงคนหนึ่งไปตลาดไปแล้วผ่านร้านทองก็คิดว่าอยากจะซื้อเก็บไว้ซักเส้นเลยเข้าไปซื้อ ราคาก็หมื่นกว่าเสร็จก็กลับบ้านพอมาถึงหน้าบ้านก็นึกขึ้นว่าถ้าสามีรู้ว่าซื้อทองมาราคาเป็นหมื่นต้องโกรธมากแน่ ๆ ต้องโดนว่าแน่ ๆ พอเข้าบ้านสามีก็ถามเรื่องทองจริง ๆ เธอตอบว่าทองปลอมเห็นขายอยู่ที่ตลาดใครจะไปซื้อทองจริงมาละแพง ส่วนสามีก็ไม่ว่าอะไร (ประมาณว่า หรอเออ) แล้วก็ทำกิจกรรมที่ค้างอยู่ เธอโล่งใจมากแล้วก็เอาทองไปเก็บ อาจารย์คะ เธอคนนี้ผิดศีลข้อมุสาไหมคะ ถ้าเราโกหกเพราะมีเหตุจำเป็น เช่นไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ปานปลาย อย่างนี้ผิดไหมคะ
ขอบคุณคะ
คำตอบจาก อาจารย์แอน
การถือศีล มีสามระดับ และต้องไต่เป็นขั้นตอน ขั้นแรกต้องใคร่ครวญพิจารณาศีลให้บริสุทธิ์ จัดเป็นการบำเพ็ญบารมีและทดสอบกำลังใจในการปฏิบัติให้สูงขึ้น อย่างแน่วแน่โดยมีศีลเป็นเครื่องวัด
อย่างเรื่องนี้ ไม่ควรโกหก เพราะการโกหก มีองค์ประกอบของความโลภ และความหลง ทั้งความกลัว ครบองค์ประกอบของคติทั้งสี่ ได้แก่ ฉันทาคติ อคติ ภยาคติ (ความกลัว) และโทสาคติ อย่างน้อยการโกหก นี้เป็นภัยในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกของตนเองที่ไม่สะอาด
ระดับสอง การโกหก ที่ปราศจากความโลภ โกรธ และหลง แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น การโกหก ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด ไม่ทำลายประโยชน์ใคร ในกรณีนี้ ถ้าเงินนั้นเป็นของตนเองที่หามาโดยชอบ ไม่ได้เอาเงินผู้อื่นไป แต่เกรงว่าเขาจะไม่สบายใจ ประกอบเราซื้อ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาหนึ่ง หรือเป็นการค้าไว้เก็งกำไร อย่างนี้ไม่ผิดศีล ระดับสาม เป็นปรมัตถ์ อธิศีล มีความสูงขึ้นไปอีกระดับ โดยมี พรหมวิหารสี่ ควบคุมศีล มีมรรค ๘ กำกับ เป็นการถือศีลแบบเป็นธรรมชาติ ที่เป็นไปโดยปรกติ ไม่มีผลร้ายกับใคร ไม่ทำลายประโยชน์ใคร ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครในเชิงโลก หรือโลกียะ อย่างนี้เป็นโลกุตระ สำหรับเรื่องที่เล่านี้ ไม่จัดเป็นศีลปรมัตถ์ เพราะมีความโลภผสม ถ้าศีลปรมัตถ์จะไม่มีโลภ โกรธ หลง เจือปน มีสติกำกับ มีตัวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
เมื่อใคร่ครวญพิจารณาแล้ว ผู้หญิงผิดศีลค่ะ
(ขอบคุณเมลพยากรณ์ จาก hotmail)
ได้สาระได้ความรู้ แม้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ทำให้ได้รับรู้มากขึ้น มีประโยชน์มากค่ะ
ตอบลบเรียนถามอาจารย์
ตอบลบรบกวนอาจารย์ช่วยตอบข้อสงสัยด้วยค่ะ บังเอิญคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องสติ-สัมปชัญญะ ในข้อธรรมที่เราฝึกให้มีสติ สัมปชัญญะก็จะเกิด ให้เรารู้ดี-ชั่วเป็นอย่างไร แต่เพื่อนเขาก็บอกว่า โจรก็มีสติสัมปชัญญะ เพราะเขาต้องมีความตั้งใจ มีเจตนา เขาต้องมีการวางแผน ถ้าเขาไม่มีสติ เขาก็ถูกจับ
ขอรบกวนอาจารย์ช่วยชี้แจงเพิ่มเติมให้เข้าใจคำว่าสติสัมปชัญญะด้วยค่ะ
หนุนา